1/04/2553

ปรับพฤติกรรม กำจัดกลิ่นตัว

ปกติแล้วทุกคนจะมีกลิ่นกายเฉพาะตัว ซึ่งเป็นกลิ่นธรรมชาติ กลิ่นตัวนั้นเกิดจากการที่ต่อมของร่างกายขับเหงื่อและไขมันออกมาทางผิวหนัง ทำให้เกิดความชื้น ส่งผลให้เกิดการเปื่อยยุ่ยและลอกออกของผิวหนัง จากนั้นแบคทีเรียและเชื้อราก็จะกินเซลล์ที่ตายแล้วและขับกรดออกมา ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น

บริเวณที่มักขับเหงื่อออกมามากที่สุดคือที่อับชื้น ได้แก่ รักแร้ ซอกขา ซอกนิ้วเท้า ข้อพับต่างๆ อวัยวะเพศ แต่ด้วยเป็นจุดอับ เวลาเหงื่อออกจึงระเหยไปได้ยาก ทำให้เกิดการหมักหมมเป็นกลิ่นเหม็น กลิ่นตัวของคนจะแรงขึ้นเมื่อย่างสู่วัยรุ่น เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ

นอกจากนี้อาหารบางชนิด เช่น ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ สะตอ กระเทียม หัวหอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ตลอดจนยาบางชนิดก็อาจเป็นสาเหตุการเกิดกลิ่นตัวได้เช่นกัน เช่น การใช้ยารักษาสิวทั่วไปที่มี สารเบนซอยล์เพอร็อกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ผสมอยู่เป็นประจำ รวมถึงโรคประจำตัวอื่นๆ ทั้งท้องผูก ตับอักเสบ ไต เบาหวาน พยาธิในระบบทางเดินอาหาร และมะเร็ง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัวเช่นกัน โดยทั่วไปกลิ่นตัวมักหายไปเองเมื่ออาบน้ำ หรือแม้กระทั่งการใช้สารพัดผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น

ปรับพฤติกรรมกำจัดกลิ่น

- รักษาความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้า
- ผ่อนคลายความเครียด บางครั้งความเครียดก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เหมือนกัน เพราะร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลินออกมา
- ทำดีท็อกซ์ การสะสมสารพิษในร่างกายก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัวเช่นเดียวกัน ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการทำดีท็อกซ์
- ไม่ควรขัดผิวบ่อยๆ เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์กับร่างกายถูกทำลาย ทำให้เกิดกลิ่นตัวง่าย ดังนั้นขัดผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ

ลดปัญหากลิ่นตัวด้วยอาหาร

- กินอาหารหลากหลาย กินโปรตีนจำพวกธัญพืชต่างๆ ผักสดทั้งใบเขียวและใบเหลือง ผลไม้สด
- เลี่ยงการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กุยช่าย ขิงสด สะตอ หัวหอม กระเทียม และเครื่องเทศต่างๆ รวมถึงเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- เลี่ยงอาหารก่อพิษ จำพวกเนื้อสัตว์ใหญ่ ทั้งหมู เนื้อ ไก่ ไข่ และตับ รวมทั้งช็อกโกแลต ลูกเกด ถั่วลิสง เพราะจะทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังขับไขมันออกมามาก โดยเฉพาะใต้วงแขน และที่สำคัญ จะก่อให้เกิดสารตกค้างในลำไส้ ทำให้เหงื่อมีกลิ่นเฉพาะตัว


ข้อมูลจาก ศรีสุภา ส่งแสงขจร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น