4/08/2553

วิธีรักษาดวงตาให้สดใส

อายุที่เพิ่มขึ้น การทำงานใช้สายตานั่งหน้าคอมพ์นานๆ การได้รับสารอาหารและวิตามินไม่เพียงพอ มลภาวะแวดล้อมในอากาศ ฝุ่น ควัน การได้รับแสงจ้าเป็นเวลานาน ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่จะก่อให้เกิดโรคทางสายตาได้อีกมากมาย อาทิ โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก โรคตาบอดกลางคืน

สารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อดวงตา

Lutein/Zeaxanthin
ช่วยปกป้องจอประสาทตาด้วยการดูดซับแสงสีน้ำเงินและรังสีอัลตร้าไวโอเลต รวมไปถึงการกำจัดและทำลายอนุมูลอิสระ

Beta-Carotene
เป็นส่วนประกอบของเซลล์รับแสงในดวงตา ปกป้องจอประสาทตาจากอนุมูลอิสระ

Zinc
เป็นส่วนหนึ่งของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเมตาบอลิซึ่มของ Vitamin E และ Lutein

Vitamin E
เป็นส่วนหนึ่งของเยื่อหุ้มเซลล์รับแสงในดวงตา ทำงานเสริมฤทธิ์กันกับ Lutein และ Zeaxanthin ป้องกันร่างกายและดวงตาจากอนุมูลอิสระ มีบทบาทเกี่ยวกับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยในการใช้ Vitamin K ของร่างกาย

Vitamin C
เป็นส่วนหนึ่งของเอนไซม์มีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทในการสังเคราะห์คอลลาเจน (ส่วนประกอบสำคัญของหลอดเลือด กระดูก เส้นเอ็น ผิวหนัง ฯลฯ) การสังเคราะห์สารสื่อประสาทและฮอร์โมน
การดูแลตนเองและใส่ใจสุขภาพ รับประทานสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอจะช่วยให้ดวงตาของท่านสดใส และชะลอความเสื่อมของดวงตาได้ค่ะ

น้ำมันทอดอาหารซ้ำ ภัยเงียบใกล้ตัวคุณ

เนื่องจากน้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำหลายๆครั้งจะมีคุณสมบัติที่เสื่อมลง ทั้งสี กลิ่น รสชาติและมีความหนืดมากขึ้น ทำสำคัญจะก่อให้เกิด “สารประกอบโพลาร์” ที่สามารถสะสมและส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ตับและไตมีขนาดใหญ่ขึ้น ไขมันสะสมในตับ การหลั่งน้ำย่อยทำลายสารพิษในกระเพาะอาหารเพิ่ขึ้น นอกจากนั้นอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ส่วนไอระเหยจากน้ำมันทอดอาหาร หากสูดดมเป็นระยะเวลานานมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งที่ปวดอีกด้วย

หลักการในการทอดอาหารที่ถูกหลักอนามัยและดีต่อสุขภาพ

1. น้ำมันปรุงอาหารควรเป็นน้ำมันพืช หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันสัตว์ เพื่อมิให้เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ

2. น้ำมันทอดอาหารควรเป็นน้ำมันที่คงตัวและเกิดควันช้า เช่น น้ำมันปาล์ม

3. ไม่ควรใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันหมู น้ำมันวัวและไขมันสัตว์อื่นๆในการทอดอาหาร เพราะน้ำมันดังกล่าวไม่คงตัว จึงเสื่อมสภาพเร็ว

4. หากน้ำมันทอดมีกลิ่นเหม็นหืน เหนียวข้น สีดำ เกิดฟอง ควัน เหม็นไหม้ หรือไอน้ำ อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เปลี่ยนน้ำมันใหม่ทันที และไม่ควรเติมน้ำมันใหม่ลงไปเจือจาง

5. หมั่นกรองกากอาหารทิ้งระหว่างและหลังการทอดอาหาร โดยใช้ตะแกรงหรือผ้าขาวบาง

6. ควรซับน้ำมันส่วนเกินบริเวณผิวหน้าอาหารดิบก่อนทอด เพื่อลดการแตกตัวของน้ำมัน

7. ควรทอดอาหารครั้งละไม่มากเกินไป เพื่อให้ความร้อนของน้ำมันทอดอาหารกระจายทั่วถึง และใช้เวลาในการทอดน้อยลง

8. ไม่ควรทอดอาหารด้วยไฟแรงเกินไป อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 160-180 องศาเซลเซียส หากทอดไฟแรงน้ำมันจะเสื่อมสลายตัวเร็ว

9. หากทอดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่มีส่วนผสมของเกลือหรือเครื่องปรุงรสปริมาณมาก ควรเปลี่ยนน้ำมันทอดอาหารให้บ่อยขึ้น

10. ควรล้างทำความสะอาดกระทะทอดอาหารหรือเครื่องทอดทุกวัน เนื่องจากน้ำมันเก่าสามารถไปเร่งการเสื่อมสภาพของน้ำมันทอดอาหารที่เติมลงไปใหม่

ข้อมูลจาก CP BRANDSITE Society

4/02/2553

ยาคุมกำเนิด อย่ากินพร่ำเพรื่อ

มหัศจรรย์เสียเหลือเกิน เมื่อยาคุมกำเนิดไม่ได้กินป้องกันตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียว แต่พูดกันปากต่อปากกินบำรุงผิวพรรณ เพิ่มอึ๋ม ลดสิว ได้ยินอย่างนี้เป็นใครก็ลอง

นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ยอมรับว่า ผู้หญิงทุกวันนี้นิยมกินยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ไม่ใช่กินเพราะคุมกำเนิดอย่างที่ผ่านมาแล้ว แต่ต้องการผลพลอยได้จากยาคุมในอีกมุมหนึ่งที่ทำให้ขนาดหน้าอกเพิ่มขึ้น สิวน้อยลง

“การกินยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด เพื่อรักษาสิว เพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่กว่าปกติ เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากเลือกยาไม่สัมพันธ์กับฮอร์โมนในร่างกาย ผลที่ตามมาอาจเป็นผลข้างเคียงจากยา และยังสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง หรือเฉพาะจุดที่ร่างกายมีปัญหาจะดีกว่า” สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ศิริราชพยาบาล กล่าว

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงในการพิจารณาเลือกซื้อยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดคือ จุดประสงค์ของยา ซึ่งเหมาะสำหรับการป้องกันการตั้งครรภ์ในระยะเวลา 5-10 ปี เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก แต่ผู้กินต้องเสียเงินประจำทุกเดือน และต้องรับผิดชอบต่อตัวเองในการกินต่อเนื่องในเวลาใกล้เคียงกันทุกวัน

ในยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดโดยทั่วไปจะประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ 2 ชนิด คือเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย เพื่อที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ คนที่ต้องการคุมกำเนิดด้วยยาคุมควรปรึกษาแพทย์ก่อน

การสังเกตว่ายาคุมที่กินอยู่มีผลข้างเคียงหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เช่น น้ำหนักตัวหลังจากกินยาคุมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือไม่ มีอาการปวดศีรษะ หรือไมเกรน คลื่นไส้อาเจียน เจ็บตึงคัดเต้านม หน้าเป็นฝ้าในระยะ 2-3 เดือนแรกของการกินยา หรือมีอาการต่อเนื่องหรือไม่ และหากพบอาการดังกล่าวควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อขอคำแนะนำในการกินที่ถูกต้อง

สมัยก่อน ยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีขนาดฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงถึง 150 ไมโครกรัม ซึ่งถือว่าสูงมาก ทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ง่าย นพ.มานพชัย แนะนำว่า วิธีเลือกซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดที่ปลอดภัย ควรพิจารณายาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณต่ำเป็นอันดับแรก เพราะจะมีส่วนช่วยลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำหนักตัวหลังการกินยาต่อเนื่อง 2-3 เดือน

สำหรับคนที่แพ้ฮอร์โมนเอสโตรเจน และมีอาการน้ำหนักเพิ่มมากจนผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำเช่นกัน เพื่อสามารถพิจารณาเลือกกินยาคุมชนิดเม็ดแบบอื่น ที่สอดรับกับฮอร์โมนของร่างกาย เนื่องจากปัจจุบันมียาเม็ดคุมกำเนิดวางจำหน่ายในตลาดมากมายให้เลือก

ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดมี 3 ชนิดได้แก่ ชนิดฮอร์โมนรวม ชนิดฮอร์โมนเดี่ยว หรือชนิดไร้เอสโตรเจน และยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉิน โดยยาคุมชนิดเม็ดแบบไร้ฮอร์โมนเอสโตรเจน เหมาะสำหรับคนที่แพ้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ลดอาการข้างเคียง เช่น น้ำหนักตัวเพิ่ม อาการบวมน้ำ ไม่ตึงคัดเต้านม หน้าเป็นฝ้า รวมถึงลดการปวดศีรษะ แต่อาจมีราคาแพงกว่ายาคุมทั่วไป

การกินยาเม็ดคุมกำเนิดที่เหมาะกับร่างกาย ไม่เพียงลดอาการข้างเคียงดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ในระยะยาว มีผลงานวิจัยบ่งชี้อีกว่า มีประสิทธิภาพช่วยเรื่องรอบเดือนให้มาสม่ำเสมอ ลดอาการปวดประจำเดือน และประจำเดือนมามาก โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก และลดอาการเครียดก่อนมีประจำเดือนได้ รวมถึงลดอาการก่อนวัยหมดประจำเดือน

การกินยาคุมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งลำไส้ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ก้อนเนื้องอกที่เต้านมและรังไข่ชนิดไม่ร้ายแรง การอักเสบในอุ้งเชิงกรานและการตั้งครรภ์นอกมดลูกอีกด้วย

สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉิน ผศ.นพ.มานพชัย ให้ความรู้ว่ามีประสิทธิภาพคุมกำเนิดเพียง 70% ส่งผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติ และอาจมีประจำเดือนแบบกะปิดกะปอยหลายเดือนต่อเนื่อง
สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นควรเลือกกินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติจะดีกว่าเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
“การคุมกำเนิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นยากินแบบที่เป็นฮอร์โมน ยาฝัง ไม่ได้ป้องกันเรื่องกามโรค หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรหาวิธีการป้องกันอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ถุงยางอนามัย”สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ศิริราชพยาบาล กล่าว

อีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือ สาวประเภทสองที่หันมานิยมกินยาคุม เพื่อเสริมอึ๋ม แพทย์จากศิริราชพยาบาล กล่าวเตือนพร้อมอธิบายว่า ไม่สมควรกินเช่นกัน เพราะการที่หน้าอกใหญ่ขึ้น เป็นอาการของเซลล์ที่หน้าอกมีการบวมน้ำ เหมือนมีฟองน้ำที่มีน้ำอัดอยู่เยอะๆ

ปัจจุบัน แม้ยังไม่มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่ามีผลข้างเคียงอย่างใดต่อสาวประเภทสอง แต่ที่น่ากลัวคือ คนที่กินในปริมาณมาก เช้า กลางวัน เย็น อาจส่งผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดภาวะตับวายได้

ข้อมูลจาก กานต์ดา บุญเถื่อน
http://www.bangkokbiznews.com