7/29/2553

เป็นโรคเหงือก เสี่ยงมะเร็ง

ปากและฟันก็เป็นอีกระบบหนึ่งที่สัมพันธ์กับระบบอื่นๆ จากการศึกษาของแพทย์หญิงมายน์ ทีซัล จากสถาบันมะเร็งรอสเวลส์ ปาร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า อาการเยื่อหุ้มฟันอักเสบเรื้อรังและโรคเหงือกและฟันสามารถนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้

เนื่องจากโรคเหงือกและฟันอาจมีความเชื่อมโยงกับการกลายของเนื้อเยื่อในช่องปาก ไปเป็นเนื้องอก และการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของเซลล์ระหว่างการอักเสบเรื้อรังส่งผลต่อลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์ของเนื้อเยื่อ

ทั้งนี้ การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเป็นโรคเหงือกและฟันจะส่งผลต่อการเกิดมะเร็งที่บริเวณลำคอและศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปากและลำคอ โดยพบว่าความเสี่ยงโรคมะเร็งดังกล่าวจะสูงขึ้นเมื่อเป็นโรคเหงือกอักเสบเรื้อรังมาก่อน ไม่ว่าผู้ป่วยจะมีประวัติสูบบุหรี่หรือไม่ก็ตาม

อย่างไรก็ตามแพทย์หญิงมายน์ ทีซับแนะนำว่า หากกำลังเป็นโรคเกี่ยวกับเหงือกและฟันควรดูแลสุขภาพอนามัยในช่องปากให้ดี จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งบริเวณดังกล่าวได้

ข้อมูลจาก http://www.nlm.nih.gov/

7/28/2553

รู้ไม๊ว่า...การนอนหลับสำคัญแค่ไหน

ระหว่างที่เรานอนหลับนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ขจัดของเสียออกจากเซลล์ มีการสร้างโปรตีนใหม่ๆ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีการหลั่งฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกายคือโกรทฮอร์โมน ธัยรอยด์ฮอร์โมนและเมลาโทนิน

เราควรหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมได้เช่น ความก้าวร้าว ซึมเศร้า การนอนน้อยมีผลต่อความจำ

มีการวิจัยพบว่าการนอนน้อยอาจนำไปสู่โรคอ้วนได้ พบว่าในเด็กมัธยมที่นอนน้อยจะกินบ่อยและกินจุบกินจิบกว่าในเด็กที่ได้นอนเต็มอิ่ม เพราะการนอนน้อยทำให้ระดับฮอร์โมนที่ชื่อเลปตินลดลง ซึ่งเลปตินเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากรับประทานอาหาร โดยเป็นตัวส่งสัญญาณไปยังสมองว่าอิ่มแล้ว

ผู้ที่นอนไม่หลับก็พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับเพราะทำให้สมองเสื่อมได้ ลองใช้วิธีต่างๆ เหล่านี้ดูนะคะ เช่น การออกไปรับแสงแดดยามเช้าสัก 30 นาทีทุกวัน การปรับแสงในห้องนอนให้มืดเพราะจะทำให้ฮอร์โมนที่ชื่อเมลาโทนินหลั่งออกมา ทำให้รู้สึกอยากนอน ปรับอุณหภูมิในห้องนอนให้เย็นหน่อย อย่าให้มีเสียงรบกวนในห้องนอน หลีกเลี่ยงเรื่องเครียดก่อนนอน งดเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และโทรศัพท์มือถือให้ปิดเสียหรืออย่าวางไว้ใกล้ตัว รวมทั้งอย่ารับประทานอาหารใกล้เวลานอนเพราะจะทำให้อาหารไม่ย่อยและทำให้ท้องอืด รบกวนการนอน

ข้อมูลจาก แพทย์หญิง ขวัญทิชา วงศ์วิชิตกุล

7/20/2553

สูตรพอกหน้าด้วยช็อกโกแลต


ไม่เพียงแต่ความอร่อยเท่านั้น แต่ช็อกโกแลตก็ช่วยให้สวยได้เหมือนกันนะคะ ส่วนผสมง่ายๆที่สามารถทำได้เอง เรามาดูวิธีการทำกันค่ะ

ส่วนผสม
ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะม น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ ครีมชนิดเข้มข้น (มีขายตามร้านอุปกรณ์เบเกอร๊๋) 1 ช้อนโต๊ะ และข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นรวมกันในเครื่องปั่น จนได้เนื้อครีมข้นเหนียว จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ซับน้ำออกพอหมาดๆ แล้วทาครีมช็อกโกแลตลงไป ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า

ง่ายๆ เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ผิวหน้าคุณชุ่มชื้นและสดใสค่ะ

7/09/2553

Good Food For Beauty Hair

ส่วนใหญ่เรามักจะดูแลเส้นผมโดยเน้นแต่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการสระ อบ หมัก ทรีมเมนต์ แต่การดูแลเส้นผมให้สวยจากภายใน ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพียงแต่เราเลือกอาหารที่มีประโยชน์ก็ช่วยได้แล้วค่ะ

อาหารที่แนะนำให้ทาน มีดังนี้ค่ะ

1. โปรตีน ช่วยบำรุงรากผม มีมากในเนื้อปลาและถั่วต่างๆ โดยเฉพาะถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง งาดำ น้ำเต้าหู้

2. สังกะสี ช่วยในการสังเคราะห์ RNA และ DNA ซึ่งเป็นตัวควบคุมการสร้างเซลล์ต่างๆ ในร่างกายให้แข็งแรง ช่วยลดการสะสมของโคเลสเตอรอล ลดการหลุดร่วงและลดรังแค พบมากในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ นม เนยแข็ง อาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม

3. ทองแดง ช่วยในการสร้างฮีโมโกลบิน เม็ดเลือดแดงและอิลาสติน ซึ่งมีความสำคัญต่อกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อยืดหดได้ และยังช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม ผมหงอก เป็นแผลที่ผิวหนัง พบมากในอาหารจำพวก ตับ หอยนางรม อาหารทะเล ผลไม้เปลือกแข็งและผักใบเขียว

4. แมงกานีส ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและกระดูก พร้อมทั้งรักษาให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พบมากในอาหารทะเล ไข่แดง ข้าวสาลี เมล็ดอัลมอนด์ และผลไม้เปลือกแข็ง เป็นต้น

5. กรดแพนโทเธนิค วิตามินบี 5 ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมเงางาม มีในตับ นม ถั่วเหลือง ธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าวซ้อมมือ

6. กรดโฟลิค ช่วยเเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น มีมากในผักต่างๆ โดยเฉพาะผักใบเขียว เช่น ผักบุ้ง คะน้า ผักกาดหอม และมีมากในนม

7. ไบโอติน ช่วยลดปัญหาการเกิดรังแค ช่วยบำรุงรากผม และลดอาการหลุดร่วงให้ดีขึ้น มีมากในตับ ถั่วต่างๆ จมูกข้าว

8. วิตามินซี ช่วยเพิ่มคอลลาเจน ความยืดหยุ่นที่ผิดโดยเฉพาะหนังศีรษะให้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มการขยายหลอดเลือดและช่วยให้สารอาหารต่างๆ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น พบมากในผักสดและผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

9. วิตามินอี ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว รวมทั้งบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและมีผลช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด พบมากในเมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง ปลาซาดีน น้ำมันตับปลา น้ำมันงา และไข่แดง

10. วิตามินเอ ช่วยบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรงไม่หลุดลอกได้ง่าย พบมากในแครอท ผักบุ้ง มะเขือเทศ ผักโขม บร็อคโคลี่ มันฝรั่ง มะละกอ แคนตาลูป และผักผลไม้สีเหลือง แดง

11. ธาตุเหล็ก ช่วยเพิ่มให้เลือดไปเลี้ยงรากผม และป้องกันไม่ให้เกิดโรคโลหิตจาง พบในตับ ผักที่มีสีเหลือง

12. โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 เป็นไขมันที่จำเป็น เพราะถ้าร่างกายขาดแล้ว เส้นผมจะดูหมองหม่น ไม่สดใส ดูไร้ชีวิตชีวา รวมทั้งหนังศีรษะจะแห้ง หลุดล่อนเป็นแผ่นได้

13. แคลเซียม ช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดี ดูมีชีวิตชีวา เงางาม มีน้ำหนัก

14. น้ำ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่ถึง 1 ใน 4 ของน้ำหนักเส้นผม ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ผมชุ่มชื้น ป้องกันไม่ให้ผมแห้ง

15. อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เมนูที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอาหารประเภทไขมันสูง เนื้อติดมัน เนย กะทิ อาหารทอด น้ำมันหมู ช็อกโกแลต อาหารเหล่านี้ทำให้หนังศีรษะมีน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินไป ทำให้ผมมัน หลุดร่วงง่ายและอาจเป็นผลต่อเนื่องทำให้เกิดสิวบนหนังศีรษะได้อีกค่ะ

ข้อมูลจาก นิตยสาร Spicy