5/20/2553

Organic Beauty สวยจากธรรมชาติ



ภายใต้กระแสความนิยมเรื่องการใช้ชีวิตสู่ธรรมชาติ ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับของกินของใช้จากธรรมชาติที่ปลอดสารพิษ ไม่เว้นแม้แต่ในเครื่องสำอางบำรุงผิว แต่ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติก็มีหลายชนิด ทั้งที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ออร์แกนิก ฯลฯ การเลือกใช้สินค้าแต่ละประเภทจึงต้องเข้าใจลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ด้วย ได้แก่
  • เครื่องสำอางดูแลผิวและความงามที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ มีเกณฑ์การผลิตว่า เมื่อผ่านกระบวนการผลิตเสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนผสมจากธรรมชาตินั้นๆ ยังคุณค่าตามธรรมชาติอยู่
  • ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก มีลักษณะเฉพาะ คือ ใช้วัตถุดิบที่ผ่านขั้นตอนการปลูก เก็บเกี่ยว และแปรรูป ภายใต้กระบวนการทางการเกษตรที่ควบคุมอย่างพิถีพิถัน โดยมาตรฐานในการผลิตเครื่องสำอางออร์แกนิก เริ่มตั้งแต่การเพาะปลูกพืชผัก ผลไม้ โดยทุกขั้นตอนการผลิตจะปลอดปุ๋ยเคมี ไร้ยาฆ่าแมลง ไร้สารปนเปื้อนจากโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ใช้สารเร่งฮอร์โมนและไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรม เป็นต้น

สวยด้วยออร์แกนิก

นอกจากความนิยมในการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแล้ว ประโยชน์ที่โดดเด่นของส่วนผสมออร์แกนิกยังเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้มีผู้สนใจเครื่องสำอางประเภทนี้มากขึ้น มีผลงานวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่นำน้ำผลไม้ออร์แกนิกมาทดสอบกับผิวของกลุ่มทดลอง พบว่า น้ำผลไม้ออร์แกนิกจะซึมซาบสู่ชั้นผิวได้ดีกว่าน้ำผลไม้ธรรมดา 50% และช่วยลดอัตราการแพ้หรือระคายเคืองได้ ลักษณะนี้อาจเปรียบเทียบได้กับการที่คุณได้กินผลไม้สดซึ่งมีคุณค่าสารอาหารสูงกว่าผลไม้กระป๋อง ผิวที่ได้ทาครีมที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ออร์แกนิกก็จะให้ประโยชน์กับผิวมากกว่าครีมทั่วไปเช่นกัน


ส่วนประกอบแบบออร์แกนิก

ผลิตภัณฑ์ความงามแบบออร์แกนิกที่มีจำหน่ายในปัจจุบันมักอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผม แบ่งเป็น 3 ส่วนสำคัญ คือ ตัวทำละลาย ได้แก่ น้ำ น้ำเกลือ และน้ำมัน สารบำรุง ได้แก่ น้ำสกัดจากผักและผลไม้ และสารกันเสีย ซึ่งนิยมใช้สารกันเสียสำหรับอาหารซึ่งจะมีอายุน้อยกว่าสารกันบูดในเครื่องสำอางทั่วไป จึงทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวออร์แกนิกมีอายุเพียง 1-2 ปี


สวยอย่างปลอดภัยด้วยออร์แกนิก

โดยทั่วไปในเครื่องสำอางจะมีส่วนผสมของสารละลาย หรือสารกันเสียของเครื่องสำอาง เช่น พาราเบน ,ปิโตรเลี่ยมเจลลี่ ,โพรพิลีน, บัตทีลีน ,ไกลคอล และ ซิลิโคน ซึ่งสารเหล่านี้เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย การใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกซึ่งปลอดจากสารเหล่านี้จึงเป็นเป็นการลดโอกาสแพ้หรือระคายเคือง และร่างกายยังไม่มีสารเคมีตกค้างในระยะยาวอีกด้วย หลายคนอาจสงสัยว่า ในบ้านเรามีผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ไม่มีตราสัญลักษณ์หรือข้อความรับรองอยู่มากมายเนื่องจากยังไม่มีสถาบันหรือองค์กรรองรับ วิธีการพิจาณาว่าผลิตภัณฑ์เป็นออร์แกนิกหรือไม่นั้น พิจารณาจากส่วนผสมที่ไม่ใช้สารเคมี ได้แก่ สารทำให้เกิดฟอง ตัวปรับสภาพผิวนุ่ม เป็นต้น


ข้อสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือการใส่ใจสัญลักษณ์ที่ช่วยรับรองคุณภาพเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า เครื่องสำอางที่เลือกจะมีคุณสมบัติครบถ้วนสมความปราถนาของคุณนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Beauty นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 10 ฉบับที่ : 111 เดือน : เมษายน 2553

10 อาหารเสริมที่ผู้ชายควรรู้

การจะเลือกซื้ออาหารเสริมให้กับตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ชายหลายคนคิดจะสรรหาวิตามินนับร้อย มากินคู่กับ อาหารมื้อหลัก เพื่อชดเชยสภาวะขาดแคลนปริมาณสารอาหาร คนหนุ่มอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าวิตามิน หรืออาหารเสริม จะช่วยป้องกันโรคบางอย่าง ไม่ต่างกับการสร้างภูมิต้านทาน

ถ้าการมุ่งหน้าไปร้านขาย ยาเพื่อซื้ออาหารเสริมเพียงแค่ 1-2 ชนิด ทำให้คุณต้องวุ่นวาย กับข้อมูลจำนวนมาก จนไม่สามารถ จัดการกับข้อมูล หรืออาหารเสริมที่ต้องการได้ การสอบถามจากคนรอบตัว และการหาข้อมูลเพิ่มเติม จะช่วยคุณได้มากในขั้นตอน ของการตัดสินใจว่าอะไร คืออาหารเสริมที่คุณต้องการจริง ๆ

1. กรดโฟลิก (Folic Acid) มีคุณสมบัติ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลัน และอาการเส้นเลือด ในสมองแตกในผู้ชาย คุณจึงควรหันมาให้ความสนใจ กินอาหารที่มีกรดโฟลิก ซึ่งมีอยู่มากใน ผักใบเขียว ทุกชนิด หรือหากต้องการบริโภค อาหารเสริม ประเภทกรดโฟลิก การกินอาหารเสริมประเภทนี้ ตามคำแนะนำของแพทย์ จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

2. กระเทียม (Garlic) ช่วยลดความดันเลือด ลดคอเลสเตอรอล ในร่างกาย และช่วยในเรื่องการไหลเวียนของเลือดได้ นอกจากนี้การบริโภค กระเทียมเป็นประจำ จะให้ผลต้านไวรัส ช่วยลดความเสี่ยง ในเรื่องเส้นเลือดสมองแตก และลดความเสี่ยง ของการเกิด อาการหัวใจวาย และหากกิน กระเทียมชนิดสด หรือกระเทียมที่นำไปปรุงอาหาร เป็นประจำได้ จะเป็นการดีกว่า อาหารเสริมประเภทกระเทียม ควรจะเป็นทางที่สองสำหรับคุณ

3. สังกะสี (Zinc) คุณอาจไม่ทราบว่าผู้ชายเป็นเพศที่สูญเสีย ปริมาณสังกะสีในร่างกายได้ง่าย เพราะทุกครั้ง ที่มีการหลั่งน้ำอสุจิ สังกะสีปริมาณ 5 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณมากถึง 1 ใน 3 ของปริมาณ สังกะสีที่ร่างกายต้องการต่อวัน จะถูกขับออก จากร่างกาย ดังนั้นผลเสียที่ตามมาจากการที่ร่างกาย ขาดสังกะสีก็ คือความต้องการทางเพศลดลง และโอกาสที่จะเป็นหมันสูง รวมทั้งสูญเสียประสิทธิภาพในการดมกลิ่นและรับรส แหล่งที่มาของอาหารเสริมชนิดนี้ได้แก่ อาหารทะเลจำพวกหอยนางรม ถั่ว เมล็ดพืช ธัญพืช และเนื้อสัตว์ ส่วนข้อควรระวัง สำหรับการกินแร่ธาตุประเภทสังกะสีก็คือ ในกรณีที่คุณบริโภคสังกะสีมากกว่าวันละ 25 มิลลิกรัม เป็นประจำอาจเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ และท้องผูกตามมา

4. โสม (Ginseng) มีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูพลังงานทั้งร่างกายและสภาวะจิตใจ เมื่อคุณอยู่ในอาการที่เคร่งเครียด โสมจะช่วยให้ ระดับกลูโคส อยู่ในระดับเป็นปกติ ทำให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย ช่วยให้มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น จากการวิจัย โสมยังช่วยยืดอายุเซลล์ และมีประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับฮอร์โมนเทส-โทสเตอโรนในเพศชายได้เป็นอย่างดี

5. น้ำมันปลา (Omega 3) จากการศึกษาพบว่า โอเมก้า 3 มีกรดไขมันที่สำคัญหลายชนิดสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันเลือดสูง มีผลในการรักษาโรค ที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรัง และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย แหล่งที่มาของสารอาหารประเภทน้ำมันปลาตามธรรมชาติ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาซาร์ดีน และปลาที่มีไขมันต่ำ แต่หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป น้ำมันปลาก็จะเข้าไปเพิ่มระดับน้ำตาล ซึ่งเป็นอันตราย สำหรับผู้ที่ป่วยเป็น โรคเบาหวาน

6. กลูโคซามีน ซัลเฟต (Glucosamine Sulfate) มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของไขข้อ การสร้างกระดูกอ่อน มีประสิทธิภาพในการป้องกันข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย สามารถช่วยซ่อมแซมไขข้อ กระดูกอ่อน บรรเทาอาการเอ็นยึด และอาการกระดูกสันหลังเคลื่อน มีประโยชน์อย่างมาก เมื่อใช้ในผู้ชายที่มีอาการปวดหลัง ข้ออักเสบ หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

7. สารสกัดจากผลปาล์มอเมริกันแคระ ซอว์ พาลเม็ตโต (Saw Palmetto) สารสกัดจากผลปาล์มอเมริกันแคระ ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากโตชนิดไม่รุนแรง และช่วยกระตุ้นการหดตัว ของต่อมลูกหมาก แต่ข้อเสียของสารสกัดชนิดนี้ คือผลข้างเคียงที่จะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น นอกจากนี้ หากยังไม่แน่ใจ ในวิธีการเลือกรับประทาน คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อน ที่จะซื้อหามาบริโภคด้วยตนเอง

8. แคตส์ คลอว์ (Cats Claw) เป็นสารสกัดจากพืชชนิดหนึ่ง พบในอเมริกาใต้ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และกำจัดเซลล์ผิดปกติ แถมยังป้องกันการอักเสบการติดเชื้อไวรัส ป้องกันมะเร็ง และช่วยให้การทำงาน ของเซลล์เม็ดเลือดขาวดีขึ้น

9. มิลค์ ทิสเซิล (Milk Thistle) เป็นของเหลวจากพืชชนิดหนึ่ง ช่วยป้องกันตับเป็นพิษ จากปริมาณของแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป รวมทั้งช่วยสร้าง เซลล์ตับขึ้นมาใหม่ จากการที่ตับถูกทำร้ายด้วยไวรัส หรือตับเป็นพิษ ดังนั้น การกินมิลค์ ทิสเซิล มันน่าจะเหมาะสำหรับผู้ชาย ที่ชอบดื่มหนักเป็นประจำ

10. อาหารเสริมกลุ่มแอนติออกซิ-แดนท์ (Antioxidants) อาหารเสริมกลุ่มนี้มีคุณสมบัติช่วยต้าน หรือลดการทำงานของอนุมูลอิสระ ไม่ให้เกิดการเผาผลาญ หรือไม่ให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของร่างกายมากเกินไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่ม เครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ รวมทั้งมลพิษต่างๆ ในสภาวะแวดล้อมที่คุณต้องเผชิญ อาหารเสริมที่มีความจำเป็น ในการใช้เพื่อต่อต้าน สารอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินอี วิตามินซี และซีลีเนียม นอกจากนี้ ผลการวิจัยจากหลายสถาบันยังกล่าวด้วยว่า ผู้ชายที่กินซีลีเนียมวันละ 200 มิลลิกรัมเป็นประจำ มีโอกาสเสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ลำไส้ ปอด รวมทั้งมะเร็งอื่นๆ น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้กินซีลีเนียมเป็นประจำกว่าร้อยละ 50

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

5/12/2553

หมดปัญหาแพ้ยาคุม ด้วยยาคุมไร้เอสโตรเจน

จากสถิติการคุมกำเนิดในประเทศไทย ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุด ยาคุมชนิดนี้ มักเป็นยาแบบฮอร์โมนรวม คือมีทั้งเอสโตรเจนและ โปรเจนโตเจนในสัดส่วนที่เท่ากัน และถึงแม้จะมีประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์สูง แต่ก็ส่งผลให้เกิดปัญหาข้างเคียง ทั้งน้ำหนักตัวเพิ่ม เป็นสิว ฝ้า ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นผลกระทบจากฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะล่าสุดมียาคุมไร้เอสโตเจนออกสู่ตลาดแล้ว

ผศ.มานพชัย ธรรมคันโธ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใหม่ไร้ฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ว่า เป็นนวัตกรรมยาเม็ดคุมกำเนิดที่พัฒนาเพื่อผู้หญิงที่แพ้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในยาเม็ดคุมกำเนิดทั่วไป โดยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีข้อห้ามใช้หรือมีอาการข้างเคียงจากการใช้เอสโตรเจน และยังปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก สูบบุหรี่ อายุ 35 ปีขึ้นไป หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตรด้วย แม้จะไม่มีรายงานเรื่องอันตรายจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดต่อเนื่องนานหลายปี แต่ผู้ที่เลือกใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ก็ไม่ควรลืมตรวจสุขภาพเป็นประจำด้วยนะคะ และสำหรับผู้ที่สนใจยาคุมกำเนิดชนิดไร้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ลองปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้านได้ค่ะ

ข้อมูลจาก : นิตยสาร Health & Cuisine